รวมตลาดต้องชม ซึ่งเป็นตลาดภายใต้การส่งเสริมจากกรมการค้าภายใน 6 ตลาดรอบกรุงเทพฯ กินเที่ยวเพลิน เดินทางง่าย
ไม่ว่าจะสายธรรมชาติ สายประวัติศาสตร์ สายวัฒนธรรม สายสุขภาพ สายบุญ หรือสายสนุกสนาน จะกิน จะช้อป จะแชะ ครบจบในที่เดียว
*คำเตือน บทความนี้เป็นบทความทั่วไปเหมาะกับผู้อ่านทุกเพศ ทุกวัย
เอาใจสายรักธรรมชาติ ใช้ช่วงเวลาวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ ขับรถจากกรุงเทพฯไปไม่ไกลก็จะได้เจอกับความสวยงามของดอกบัวที่บานเต็มพื้นที่บึงบัวขนาดใหญ่ นั่งเรือออกไปชมบัวแดงอย่างใกล้ชิด มาได้ทุกวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ปิดท้ายด้วยความอิ่มใจแถมอิ่มท้องอีกด้วย
สายรักธรรมชาติต้องไม่พลาด “ตลาดน้ำทุ่งบัวแดง” ใช้เวลาวันหยุดสั้นๆก็ได้สัมผัสดอกไม้ ใบไม้ สายน้ำ บนพื้นที่กว้างขวางกว่า 44 ไร่ ออกเดินทางเช้าๆก็จะไปถึงตลาดน้ำช่วงสายนิดๆ จอดรถสะดวกสบาย เดินเข้าตลาดน้ำได้เลย
ตลาดนี้เค้าจัดพื้นที่ร้านค้าเป็นแบบตัว L จะเดินเลือกชมสินค้าอะไรก็หันไปชมวิวทุ่งบัวแดงได้ตลอดเวลา อากาศถ่ายเท คนไม่แออัด จัดพื้นที่นั่งพักโซนริมน้ำได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะนั่งตรงไหน มองไปก็เห็นทุ่งดอกบัว
จะมาเป็นแกงค์เพื่อน มาเป็นครอบครัว มาเป็นหมู่คณะ ตลาดเค้าก็มีกิจกรรมเตรียมไว้ให้ ทั้งนั่งเรือล่องไปจนถึงกลางบึง แล้วอยากจะถ่ายรูปมุมสูงจากโดรน หรือจะเช่าชุดไทยใส่ไปนั่งเรือ แล้วถ่ายรูปเค้าก็มีบริการ
ผ่านกิจกรรมกลางแจ้งมาแล้ว พักเติมพลังด้วย เมี่ยงกลีบบัว เมี่ยงคำสูตรโบราณ ใช้กลีบดอกบัวหลวงแทนใบชะพลู ความละมุนของกลีบบัวหลวงทำให้เมี่ยงคำจานนี้เป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่อยากให้ทุกคนได้มาลิ้มลอง
ทำกิจกรรมมาทั้งวัน นึกถึงคนที่บ้านขึ้นมา ก็ออกเดินตามหาของฝากมีทั้งอาหารไทย ขนมหวาน ผัก ผลไม้ จากสวนส่งตรงมาที่ตลาด ไม่ควรพลาด “ผัดไทโบราณ” ชิมแล้วต้องซื้อกลับบ้านกันด้วยนะ
ตลาดเค้าเปิดทุกวันตั้งแต่ 9.00 – 18.00 น.
มาจะกล่าวบทไป...เอ๊ย มาค่ะมาตามรอยประวัติศาสตร์ไทยกัน มาถึงจังหวัดสิงห์บุรีแล้ว ก็ย้อนให้นึกถึงวันวานเมื่อครั้งตอนเรียนประวัติศาสตร์ชาติไทยสมัยอยุธยา ให้ได้รำลึกถึงวีรชนผู้ป้องกันข้าศึกมารุกรานบ้านเมืองเรา ที่นี่ ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน แหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงอีกหนึ่งแห่งที่อยากให้ชาวกรุงได้มาใช้เวลาอยู่ที่นี่สักหนึ่งวัน
เดินจนทั่วตลาดกิจกรรมแน่นๆไปแล้ว ของกินของฝากเต็มไม้เต็มมือไปหมด แวะชิมอาหารไทยและขนมโบราณมาหลายร้าน ก็มาสะดุดตาที่ “ผัดไทนักรบ” ผัดไทสูตรโบราณ ผัดโดยนักรบบ้านบางระจัน กินแล้วมีพลังออกรบกันไปเลย
ขับรถจากกรุงเทพประมาณ 150 กิโลเมตร ก็มาถึงตลาดแล้ว ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจันแห่งนี้ อยู่ในพื้นที่วัดโพธิ์เก้าต้น ค้นหาง่ายๆในแผนที่ ค้นหา “ค่ายบางระจัน” ตามแผนที่มาปุ๊บ ถึงปั๊บไม่มีหลง เพราะเค้ามีป้ายบอกตลอดทางเลย
ตลาดเปิดเฉพาะ เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 8.00-17.00 น.
ตลาดหลวงปู่ทวด จ.พระนครศรีอยุธยา
สายบุญต้องมาทางนี้ ตลาดหลวงปู่ทวด จ. พระนครศรีอยุธยา ตลาดที่อยู่ในพื้นที่ของพุทธอุทยานที่มีรูปเหมือนหลวงปู่ทวดที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ตำนานเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ของท่านแล้ว ยิ่งเพิ่มพูนความศรัทธาให้แก่พุทธศาสนิกชนอย่างเรา
โครงการพุทธอุทยานมหาราช ภายในบริเวณได้สร้างรูปเหมือนของหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดหน้าตัก 24 เมตร สูง 54 เมตร ภายในอุทยานร่มรื่น มีน้ำล้อมรอบ มีพิพิธภัณฑ์แสดงหุ่นขี้ผึ้งของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีกด้วย
ปัจจุบันได้มีสร้างรูปไอ้ไข่ขึ้นไว้คู่บารมีกับหลวงปู่ทวด “ไอ้ไข่ ศิษย์หลวงปู่ทวด” ไอ้ไข่เป็นลูกศิษย์รับใช้หลวงปู่ทวดมาตั้งแต่ครั้งอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อนที่หลวงปู่ทวดเดินทางจากนครศรีธรรมราชมุ่งสู่กรุงศรีอยุธยา สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วอย่าลืมตั้งจิตอธิษฐาน โยนเหรียญเสี่ยงทายลงไปในบาตรที่มีคำทำนายเอาไว้ รับรองว่าแม่นมาก
ได้แวะสักการะหลวงปู่ทวดเพื่อเป็นสิริมงคลกันแล้ว เดินเข้ามาภายในตลาดกันบ้าง พื้นที่ตลาดที่มีต้นไม้ใหญ่และน้ำล้อมรอบ ทำให้ตลาดมีความร่มรื่น ขายสินค้าชุมชนและสินค้าโอทอปเป็นหลัก
ตลาดจำลองร้านค้าให้เหมือนกับชุมชนตลาดน้ำดั้งเดิม พ่อค้าแม่ค้ายิ้มแย้มแจ่มใส บ้างก็แต่งตัวเต็มยศ ร้องลิเกเรียกลูกค้า สร้างความบันเทิงแก่นักท่องเที่ยวได้อีกแบบ อย่าลืมแวะทานก๋วยเตี๋ยว “สุนหมูเด้ง” บรรยากาศริมน้ำ รับลมเย็นๆ
สินค้าที่นำมาวางขายล้วนแล้วแต่สร้างสรรค์จากภูมิปัญญาชาวบ้าน นำเอาวัตถุดิบที่มีในชุมชนมาแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าชุมชนได้เป็นอย่างดี
ตลาดหลวงปู่ทวด ตั้งอยู่ที่บริเวณโครงการพุทธอุทยานมหาราช ริมถนนสายเอเชีย อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากกรุงเทพฯมาประมาณ 85 กิโลเมตรโดยรถส่วนตัว
ตลาดเค้าเปิดทุกวันตั้งแต่ 8.00 -17.00 น.
ยุคนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆว่าเป็นยุคของการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะวัยไหนก็ใส่ใจสุขภาพกันมากขี้น ตลาดหัวปลี ที่จ.สระบุรีเค้าก็มีของดีมาฝากเหมือนกันนะ ถ้าวันหยุดนี้ยังไม่รู้จะไปไหนดีขอให้ตลาดหัวปลีเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคุณนะคะ
ตลาดหัวปลี อยู่ใต้ร่มเงาของสวนไผ่ สวนกล้วย และไม้นานาพันธุ์ ทำให้ตลาดมีความร่มรื่น เขียวขจี เย็นสบาย อากาศปลอดโปร่ง ตลาดนี้เค้าตั้งขึ้นมาเพื่อคนในชุมชนได้เอาพืชผลจากสวนของตัวเองมาวางขายแก่นักท่องเที่ยว
เดินวนอยู่นานร้านค้าเค้าขายของแทบจะไม่เหมือนกันเลย มีซ้ำกันบ้างแต่ก็มีเอกลักษณ์ของแต่ละร้าน ละลานตาไปหมด น่าซื้อ น่าลอง น่าทาน บางร้านเค้าใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาทำเครื่องดื่มสมุนไพรเป็นยาอายุวัฒนะ นี่เลย “น้ำมะข้ามป้อมผสมน้ำผึ้ง” ที่ต้องซื้อกลับไปฝากผู้สูงวัยที่บ้านซักหน่อยแล้ว
นอกจากสวนสมุนไพรกว่า 600 ชนิดที่เค้าเอาเทคโนโลยีมาใช้ให้ข้อมูลความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสรรพคุณของสมุนไพรแต่ละชนิดแล้ว ยังเอาพืชผักผลไม้ปลอดสารพิษที่มีฤทธิ์เป็นยารักษาโรค และป้องกันโรคมาให้เลือกซื้อหากลับบ้านอีกด้วย
ภายในร่มเงาอาคารไม้ไผ่ หลังคามุงแฝก โปร่งโล่ง ร้านค้ากว่า 111 ร้าน พ่อค้าแม่ค้าเค้าใช้ภาชนะบรรจุจากวัสดุธรรมชาติ จานกาบไผ่ กาบหมาก กาบหัวปลี เข่งปลาทู ใบตอง ใส่สินค้าให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
ขอยกให้ตลาดหัวปลีเป็นชุมชนปลอดโรคภัยไข้เจ็บ และเป็นชุมชนรักษ์โลก สังเกตได้ง่ายๆจากการร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชนในการช่วยกันไม่ใช้กล่องโฟม และลดการใช้ถุงซ้อนได้เป็นอย่างดี
ตลาดเปิดเฉพาะเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ตั้งแต่ 9.00 – 17.00 น.
สายสนุกสนานต้องเพลิดเพลินไปกับวิถีชิวิตใกล้ชิดรถไฟทั้งขบวนเป็นแน่ ถ้าไปครั้งแรกบอกได้เลยว่าไม่มีทางหลง ตามทางรถไฟไปสถานีแม่กลองยังไงก็เจอ
ร้านตั้งขายผักและอาหารสดกันตั้งแต่เช้ามืด ตั้งร้านให้ชิดๆกับรางรถไฟเข้าไว้ กางร่มกันแดดกันฝนออกมาเพื่อกั้นอณาเขตร้านสักหน่อย แล้วลูกค้าจะเดินยังไง ไม่ต้องสงสัยเลยจ้ะ ก็บนรางรถไฟนั่นแหละแนวทางเดินของตลาดแห่งนี้
พอรถไฟสายมหาชัยแม่กลองมา พ่อค้าแม่ค้าก็หุบร่ม เก็บกระจาด กระบุง ตะกร้า ขึ้นเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ของล้ำเส้นไปอยู่บนรางรถไฟ พอรถไฟผ่านไปก็กางร่มใหม่ กระจาด และของต่างๆก็จัดวางที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
ราวกับกระพริบตา เพราะพ่อค้าแม่ค้าที่นี่เค้าไวมาก นักท่องเที่ยวที่ไม่เคยมาถึงกับยืนอึ้งกันเป็นแถว ความสนุกไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ตลาดแห่งนี้ยังมีสินค้าพื้นเมืองที่มีเฉพาะที่นี่ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อหาอีกด้วย ไหนจะกะปิคลองโคลน หอยหลอด หอยดอง ใบชะคราม น้ำตาลมะพร้าว กาละแมรามัญ เกลือสมุทร และปลาทูนึ่งแม่กลอง หาซื้อกลับบ้านจะถือว่ามาถึงตลาดร่มหุบแล้วหละ
มาถึงสถานีแม่กลองแล้ว อย่าลืมแวะขอพรจากหลวงพ่อบ้านแหลม เสริมสิริมงคลแก่ชีวิต หรือถ้าใครขอพรอะไรท่านไว้แล้วสมหวังก็อย่าลืมมาแก้บนด้วยละครรำกันนะ
หน้างอคอหัก นั่นไม่ใช่คนแต่นั่นหนะ “ปลาทูนึ่ง” มาถึงแม่กลองต้องมีปลาทูนึ่งกลับบ้านไปฝากที่บ้านซักหน่อย หรือจะฝากทูนหัวของบ่าวด้วยก็ได้ ทาสแมวต้องโดนแล้วหละ
ตลาดเค้าเปิดทุกวันตั้งแต่ 04.00 – 17.00 น.
มาที่เดียวได้เที่ยวทุกภาค มาที่ตลาดน้ำ 4 ภาคได้เลือกหลายหลากทั่วทุกภาคทั้งออก ตก เหนือ ใต้
เค้าจำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่ การแต่งกาย ผลิตภัณฑ์ของแต่ละชุมชนของชาวไทยในชนบททั้ง 4 ภาคมาไว้ที่นี่ที่เดียว
ว่าด้วยความผูกพันกันระหว่างวิถีความเป็นอยู่ของคนไทยที่อยู่คู่กันกับสายน้ำมาตั้งแต่โบราณกาล จำลองมาเป็นชุมชนตลาดน้ำ 4 ภาค จัดจำหน่ายสินค้าภูมิปัญญาของคนในชุมชน และอาหารการกินออกมาเป็นโซนร้านค้า และโซนร้านอาหาร บนพื้นที่กว้างขวางและสะดวกสบาย
มาถึงกิจกรรมที่ตลาดเค้าเตรียมไว้ให้แก่นักท่องเที่ยว ก็เรียกเสียงฮือฮาได้มากทีเดียว ดนตรีไทยประยุกต์ ไทยพิณอินเตอร์ที่ฟังแล้วก็ต้องขยับตัวตามจังหวะ รำไทยประยุกต์ การแสดงบนสายน้ำที่ให้ความเพลินเพลินแก่ผู้ชมจนไม่อยากกลับบ้าน
อยากกินอะไรก็แค่กวักมือเรียกพ่อค้าแม่ค้ามาเข้าที่ท่า สั่งปุ๊บแม่ค้าพ่อค้าก็ปรุงอาหารบนเรือแล้วเสิร์ฟถึงมือ นี่ถ้าเราไปนั่งตำส้มตำบนเรือเองคงจะหวาดเสียวไม่น้อย ต้องยอมคารวะแม่ค้าจริงๆ
กินอิ่มแล้วก็ต้องนั่งย่อยอาหารสักนิด เค้ามีเรือเอี้ยมจุ๊นคอยบริการนั่งเรือชมชุมชนจำลองวิถีชีวิตริมน้ำ
มาถึงที่นี่แล้ว พลาดไม่ได้กับการสักการะห้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์
1. พระบรมสารีริกธาตุ
2. เทวาลัยพระพิฆเนศ
3. องค์แม่กวนอิมไม้สักโบราณ
4.นั่งเรือสักการะองค์พญานาค
5. บูชาพระประจำวันเกิด